เมนู

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิพฺพาปนํ ได้แก่เหตุดับราคะ. บทว่า
วิปริเยสา ได้แก่โดยคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง. บทว่า ราคูปสญฺหิตํ
ได้แก่อิฏฐารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งราคะ. บทว่า ปรโต ปสฺส ความว่า จงเห็น
โดยความเป็นของไม่เทียง. บทว่า มา จ อตฺตโต ความว่า จงอย่าเห็น
โดยความเป็นอัตตา. บทว่า กายคตา ตฺยตฺถุ ความว่า ท่านจงมีสติไปใน
กาย. บทว่า อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ ความว่า เพราะท่านเพิกนิจจนิมิตมีเที่ยง
เป็นต้นเสียได้ วิปัสสนาจึงชื่อว่าหานิมิตมิได้. พระอานนทเถระกล่าวกะท่าน
พระวังคีสะนั้นว่า ภาเวทิ ท่านจงเจริญ ดังนี้. บทว่า มานาภิสมยา
ได้แก่ เพราะรู้ด้วยการเห็นมานะอย่างหนึ่ง เพราะรู้ด้วยการละอย่างหนึ่ง.
บทว่า อุปลนฺโต ได้แก่ ชื่อว่าเป็นผู้สงบเพราะราคะเป็นต้นสงบ.
จบอรรถกถาอานันทสูตรที่ 4

5. สุภาสิตสูตร



ว่าด้วยวาจาสุภาษิต 4 ประการ



[738] สาวัตถีนิทาน.
ในสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระพุทธดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วาจาอัน
ประกอบด้วยองค์ 4 เป็นวาจาสุภาษิต ไม่เป็นวาจาทุพภาษิต เป็นวาจาไม่มี
โทษ และเป็นวาจาอันวิญญูชนทั้งหลายไม่ติเตียน องค์ 4 เป็นไฉน ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมกล่าวแต่วาจาที่บุคคลกล่าวดีแล้ว
เท่านั้น ไม่กล่าววาจาที่บุคคลกล่าวชั่วแล้ว 1 ย่อมกล่าวแต่วาจาที่เป็นธรรม